“นิค โวลเทอมาด” หัวหอกร่างยักษ์ผู้เปลี่ยนความสงสัยให้กลายเป็นคำชม — เบื้องหลังความสำเร็จใหม่ของนิวคาสเซิล
จากนักเตะโนเนมในลีกระดับสามของเยอรมนี สู่การเป็นดาวยิงคนใหม่ของพรีเมียร์ลีก — นิค โวลเทอมาด (Nick Woltemade) คือเรื่องราวของ “การพิสูจน์ตัวเอง” ที่น่าทึ่งที่สุดในฤดูกาลนี้
จาก "อูฐสูงโย่ง" สู่ดาวรุ่งค่าตัว 69 ล้านปอนด์
ย้อนกลับไปในปี 2023 ขณะที่โวลเทอมาดยังเล่นให้ทีมเล็กอย่าง เอลเวอร์สแบร์ก (Elversberg) ในลีกา 3 เยอรมนี เขายังไม่ใช่ชื่อที่ใครจำได้มากนัก แม้จะสูงถึง 198 เซนติเมตร แต่หลายคนกลับมองว่าเขา “เคลื่อนไหวช้า” และ “ไม่คล่อง”
แต่ในเกมหนึ่งกับ Rot-Weiss Essen มีทีมงานฝ่ายตรงข้ามถึงกับหัวเราะเยาะ บอกกับเพื่อนร่วมทีมของเขาว่า
“ไอ้เจ้ายักษ์อูฐนั่น เล่นบอลเป็นด้วยเหรอ?”
ผลคือเอลเวอร์สแบร์กชนะ และโวลเทอมาดทำประตูได้ — นั่นคือจุดเริ่มต้นของนักเตะที่ตั้งใจจะพิสูจน์ทุกคำสบประมาทด้วยเท้าและหัวใจของตัวเอง
เสียงวิจารณ์จากรุ่นใหญ่ และคำตอบในสนาม
เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ตำนานบาเยิร์น ถึงกับออกมาวิจารณ์ว่า “นิวคาสเซิลบ้าไปแล้ว” ที่ยอมจ่าย 69 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าโวลเทอมาดจากสตุ๊ตการ์ต
แต่แทนที่เขาจะออกมาตอบโต้ โวลเทอมาดเลือก “ให้ฟอร์มการเล่นพูดแทน” — และในไม่กี่เดือน เขาก็ยิงไปแล้ว 4 ประตูจาก 5 นัดแรก บนเกาะอังกฤษ พร้อมคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือน
“เขาไม่เหมือนใครในโลกฟุตบอลยุคนี้” — เอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีมกล่าว
ไม่ใช่แค่ “ศูนย์หน้าร่างใหญ่”
แม้ส่วนสูงจะดูเป็นข้อได้เปรียบในเกมอากาศ แต่สิ่งที่ทำให้โวลเทอมาดโดดเด่นกว่ากองหน้าร่างใหญ่ทั่วไป คือ “เทคนิคและการสัมผัสบอล” ที่นุ่มนวลผิดคาด
สถิติจาก FBref ระบุว่า เขามีเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 82.6% และได้รับการส่งบอลจากเพื่อนร่วมทีมถึง 108 ครั้ง ใน 5 นัดแรก — ตัวเลขที่สะท้อนถึงความไว้วางใจในทีม
โวลเทอมาดไม่ใช่กองหน้าที่รอบอลอย่างเดียว แต่ชอบลงมาล้วงต่ำ เชื่อมเกมกับปีกอย่าง แอนโธนี่ กอร์ดอน และ เอลังก้า ซึ่งกว่า 70% ของการสัมผัสบอลของเขาเกิดขึ้นใน “กลางสนาม” มากกว่าหน้าประตู
อดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง ลูคา เดอร์โฮลซ์ เคยพูดถึงเขาไว้ว่า
“เขาอาจดูสูงใหญ่ แต่เล่นเหมือนเพลย์เมกเกอร์ เขามีเท้าที่ดีเกินจะถูกมองแค่เป็นกองหน้าโย่ง”
ความเชื่อจากโค้ชและการเปลี่ยนแปลงของทีม
เอ็ดดี้ ฮาว เห็นศักยภาพของโวลเทอมาดตั้งแต่สมัยอยู่สตุ๊ตการ์ต และติดตามฟอร์มอย่างใกล้ชิดระหว่างที่เขาคว้ารางวัลดาวซัลโวยูโร U21 เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ก่อนจะทุ่มซื้อทันทีหลังจากเสีย อเล็กซานเดอร์ อิซัค ให้ลิเวอร์พูล
ดีลนี้ไม่ได้โด่งดังเท่ากับการซื้อขายอื่น แต่การปรับตัวของโวลเทอมาดกลับเหนือความคาดหมาย เขาเข้ากับทีมได้อย่างรวดเร็วแม้ “จำชื่อเพื่อนไม่ครบ” ตอนเปิดตัว และใช้เวลาไม่ถึงเดือนในการกลายเป็นขวัญใจแฟนสาลิกาดง
ปรับตัวกับพรีเมียร์ลีก — จากเยอรมนีสู่ความเร็วระดับอังกฤษ
พรีเมียร์ลีกไม่ใช่เวทีที่ใจอ่อนสำหรับใคร แต่โวลเทอมาดแสดงให้เห็นว่าเขามี “หัวใจของนักสู้”
แม้จะชนะลูกกลางอากาศได้เพียง 27.8% ในช่วงแรก แต่เขาแก้เกมด้วยการใช้ความฉลาดในการยืนตำแหน่ง แทนที่จะพึ่งแต่ร่างกาย
เขาเรียนรู้เร็ว — จากการยิงประตูแรกในแชมเปียนส์ลีกด้วยลูกแหย่ปลายเท้าสุดเฉียบขาด จนถึงการรับหน้าที่ยิงจุดโทษต่อหน้าแฟนบอลกัลลาเกต เอนด์ หลังพลาดสองครั้งในเกมเดียวกันกับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เอ็ดดี้ ฮาว พูดถึงเขาด้วยความภาคภูมิใจว่า
“เรารู้ว่าเขายังใหม่ แต่สิ่งที่เขาแสดงให้เห็นคือจิตใจของผู้ชนะ”
บทเรียนจากโวลเทอมาด
เรื่องราวของโวลเทอมาดไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจสำหรับนักเตะ แต่ยังสะท้อนแนวคิดเดียวกับนักลงทุนสายบอลอีกด้วย — นั่นคือ “อย่ามองเพียงสิ่งที่เห็นภายนอก” เพราะฟุตบอลมีรายละเอียดมากกว่านั้น
เหมือนกับคำถามที่แฟนบอลสายวิเคราะห์มักถามว่า
คำตอบคือ การแทงบอลแบบ “คู่คี่ (Odd/Even)” คือการทายผลรวมประตูของทั้งสองทีมว่าจะออกมาเป็น จำนวนคู่หรือคี่ — ฟังดูง่าย แต่การใช้ให้ได้ผลต้องอาศัยการอ่านเกมเหมือนการอ่านสไตล์ของโวลเทอมาด เช่น ถ้าเป็นทีมที่เน้นครองบอลยิงน้อย เกมมักออก “คู่” ส่วนทีมเปิดแลกยิงกันรัวๆ โอกาสออก “คี่” จะมากกว่า
เช่นเดียวกับโวลเทอมาด — ที่หลายคนมองว่าเป็น “กองหน้าโย่ง” แต่จริงๆ แล้วเขามีความละเอียดอ่อนทางแท็กติกที่ซ่อนอยู่ภายใน
สรุป: “ยักษ์เยอรมัน” ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย
ในยุคที่โลกฟุตบอลมักมองหาความเร็วและพลัง โวลเทอมาดคือตัวอย่างของ “สมดุลระหว่างเทคนิคและสัญชาตญาณ” ที่หายาก เขาไม่เพียงพิสูจน์ว่าความสูงไม่ใช่อุปสรรค แต่ยังกลายเป็นอาวุธที่ใช้ร่วมกับสมองและเท้าที่ฉลาด
จากคำดูถูกในลีกล่างเยอรมัน สู่การเป็นกองหน้าค่าตัว 69 ล้านปอนด์ในพรีเมียร์ลีก — เรื่องราวของเขาคือหลักฐานว่า “เกมฟุตบอล” และ “เกมเดิมพัน” เหมือนกันตรงที่ ผู้ชนะตัวจริง คือคนที่อ่านเกมได้ลึกกว่าใคร
Comments
Post a Comment